นับย้อนไป 2 ถึง 3 ปีที่ผ่านมา Plant Base Food เริ่มเป็นที่รู้จักในต่างประเทศ ซึ่งเกิดจากปัญหาที่ว่า ถ้าในอนาคตมีทรัพยากรไม่เพียงพอต่อจำนวนมนุษย์ จะสามารถมีอะไรมาทดแทนเนื้อสัตว์ได้โดยใกล้เคียงที่สุด และมีประโยชน์อย่างครบถ้วน .และในปัจจุบันก็นับได้ว่าเป็นเทรนด์ที่กำลังจะมาแน่ ๆ เพราะทุกคนมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ที่ต้องการดูแลสุขภาพมากขึ้น อยากรักษาโลกมากขึ้น และแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เคยทำผิดพลาดไปในระยะยาว . จากงานวิจัยของมหาวิทยาลัย Oxford พบว่าอาหารแบบ Plant Based จะช่วยลดปัญหาสิ่งแวดล้อมในระยะยาว เพราะการทำปศุสัตว์นับเป็นปัจจัยต้น ๆ ที่ก่อให้เกิดสภาวะเรือนกระจก และทำให้โลกร้อนขึ้นถึงทุกวันนี้ .โดยแนวโน้มส่วนใหญ่คือกลุ่มคนรุ่นใหม่ ในการค้นหาอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ออร์แกนิค และสอดคล้องกับจริยธรรม จนเกิดผลกระทบเชิงบวกต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการสร้างสรรค์เมนูอาหารที่แปลกใหม่จากการปรุงวัตถุดิบจากพืชเป็นหลัก ให้ดูดีมีรสนิยมขึ้นมาได้ ไม่จำเจเป็นภาพจำที่เป็นอาหารมังสวิรัติแบบเก่า ๆ อีกทั้งยังสามารถกระจายแบ่งเป็นอีกหลาย ๆ ประเภทของอาหาร เครื่องดื่ม ของรับประทานเล่น .ตัวอย่างเช่น- ในสหรัฐอเมริกา สัตว์ถูกฆ่าน้อยลง 400 ล้านในปี 2014 เมื่อเทียบกับปี 2007 เนื่องจากผู้คนกินผลิตภัณฑ์จากสัตว์น้อยลง.-ยอดค้าปลีกอาหารจากพืชโดยตรงแทนที่ผลิตภัณฑ์จากสัตว์ในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 8.1% ในช่วง 12 เดือนจนถึงเดือนสิงหาคม 2017 เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายที่ลดลง 0.2% สำหรับอาหารทั้งหมดที่ขายในร้านขายของชำในอเมริกา ชีสทางเลือกจากพืชเป็นประเภทที่เติบโตเร็วที่สุด โดยมีอัตราการเติบโต 18%.- นมวีแกนคาดว่าจะเป็นตัวแทนของอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์นมและเครื่องดื่มทางเลือกเกือบครึ่ง (40%) ภายในปี 2564 เพิ่มขึ้นจาก 25% ในปี 2559 อุตสาหกรรมที่ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์นมคาดว่าจะมีมูลค่า 28,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเติบโตอย่างมากจาก เพียง 6 พันล้านดอลลาร์ในปี 2559. โดยจัดว่ามีแนวโน้มการเติบโตทั้งแบบดีขึ้นอย่างต่อเนื่องอย่างน่าสนใจ กับ Plant Based Food อีกทั้งมี Covid-19 เข้ามาเป็นตัวช่วยเร่ง Demand ของตลาดเดิมอย่างอาหารประจำชาติ ให้เป็นส่วนในทางเลือกมากมายยิ่งขึ้น.ซึ่งถือเป็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจอาหารควบคู่ไปกับวิทยาศาสตร์ทางอาหารและธรรมชาติพร้อม ๆ กัน เพื่อสร้างสิ่งใหม่ให้ตอบโจทย์กับคนรุ่นใหม่และรุ่นถัดไปได้ในอนาคต..อ้างอิง